ให้เข็นรถเข็นตามปกติ โดยผู้เข็นอยู่ด้านหลัง แล้วออกแรงดันไปข้างหน้า เวลาหยุด ก็ให้หยุดดัน รถเข็นผู้ป่วยบางรุ่นจะมีเบรคมือคอยช่วยบังคับ

ให้เข็นรถเข็นเช่นเดียวกับการเข็นรถเข็นเดินหน้า แต่ใช้แรงดึง ตรงที่จับไปด้านหลัง บางครั้งอาจยกล้อหน้าขึ้นเล็กน้อย

ให้เข็นรถเข็นปกติเหมือนเข็นรถเข็นผู้ป่วยเดินหน้าบนทางราบ แต่คนเข็นจะต้องใช้แรงดันมากกว่าทางราบ

อาจจะใช้วิธีค่อยๆเข็นรถเข็นถอยหลังลง คนเข็นจะต้องอยู่ด้านหลังของรถเข็น ถ้ารถเข็ฯ มีเบรคมือ ให้ค่่อยๆแตะที่เบรคไว้ ถ้าไม่มีอาจจะต้องช่วยดันอย่าให้รถไหลเร็วเกินไป

อีกวิธีคือ ใช้วิธียกหน้ารถเข็น แล้วดึงลงจากด้านหลัง

การเข็นรถเข็นผู้ป่วยขึ้นบันได เป็นสิ่งที่ยาก และค่อนข้างอันตราย แต่ถ้าจำเป็นก็อาจทำตามวิธีดังต่อไปนี้

การเข็นรถเข็นผู้ป่วยขึ้นบันได ควรมีคนช่วย 2-4 คน

กรณีมี 2 คน คนหนึ่งอยู่บน อีกคนอยู่ล่าง โดยให้หันด้านหน้ารถเข็นออก ค่อยๆดึงขึ้นทีละคั่น โดยขณะดึงขึ้นให้ยกล้อหน้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อกันไม่ให้คนไข้หล่นจากรถ
กรณีมีคน 4 คน ให้ยึดที่จุดยึดหลักของรถเข็น 4 จุด แล้วยกขึ้นพร้อมกัน ค่อยๆเดินขึ้นบันได ควรยกให้ด้านหน้าของรถเข็นเชิดสูงขึ้นเพื่อกันมิให้คนไข้ตกจากรถ

การเข็นรถเข็นผู้ป่วยลงบันได คล้ายกับการขึ้นบันได ควรมีคนช่วย 2-4 คนเช่นกัน

กรณีมี 2 คน คนหนึ่งอยู่บน อีกคนอยู่ล่าง โดยให้หันด้านหน้ารถเข็นออก ค่อยๆดึงลงทีละคั่น โดยขณะเลื่อนลงให้ยกล้อหน้าขึ้นเล็กน้อยแต่สูงกว่าการขึ้น เพื่อกันไม่ให้คนไข้หล่นจากรถเข็น

กรณีมีคน 4 คน ให้ยึดที่จุดยึดหลักของรถเข็น 4 จุด แล้วยกขึ้นพร้อมกัน ค่อยๆเดินลงบันได ควรยกให้ด้านหน้าของรถเชิดสูงขึ้นเพื่อกันมิให้คนไข้ตกจากรถเช่นกัน

ให้ยกล้อหน้าขึ้นขณะเข็นไปข้างหน้า จะช่วยให้เบาแรงกว่าเข็นตรงๆเหมือนเข็นบนทางราบ นอกจากนี้ยังลดความสะเทือน และทำให้ผู้นั่งสบายกว่า และยังปลอดภัยต่อผู้นั่งเวลาสะดุดหิน เพราะอาจทำให้คนไข้ตกจากรถเข็น หน้าคมำได้